https://wsj.com/world/middle-east/iraq-prime-minister-says-u-s-l…
นายกรัฐมนตรีอิรักกล่าวว่าแนวร่วมทหารที่นำโดยสหรัฐฯ ซึ่งช่วยเหลือประเทศของเขาต่อสู้กับกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลามนั้นไม่จำเป็นอีกต่อไป แม้ว่าเขายังคงต้องการความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับวอชิงตันก็ตาม “เราเชื่อว่าข้ออ้างสำหรับแนวร่วมระหว่างประเทศได้สิ้นสุดลงแล้ว” นายกรัฐมนตรี โมฮัมเหม็ด อัล-ซูดานี บอกกับเดอะวอลล์สตรีทเจอร์นัล ในขณะที่สงครามในฉนวนกาซาทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างอิรักและวอชิงตันบั่นทอนลง ซูดานีไม่ได้กำหนดเส้นตายในการออกจากกลุ่มพันธมิตร ซึ่งจัดตั้งขึ้นในปี 2014 เพื่อให้คำปรึกษาและสนับสนุนกองกำลังอิรักในการยึดอำนาจการควบคุมประเทศของตนกลับคืนมา หลังจากที่กลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลามยึดพื้นที่กว้างใหญ่ทางตอนเหนือและตะวันตกของอิรัก และซูดานีก็ไม่ได้ปิดโอกาสรับบทบาทกองทหารสหรัฐฯ ที่แนะนำกองกำลังอิรักให้คงอยู่ในประเทศนี้ภายใต้ความสัมพันธ์ทวิภาคีใหม่ที่เขากล่าวว่าควรปฏิบัติตาม แต่ในการให้สัมภาษณ์เมื่อวันอังคารระหว่างการประชุม World Economic Forum ในเมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซูดานีแสดงความไม่พอใจอย่างกว้างขวางต่อนโยบายของอเมริกาเกี่ยวกับความขัดแย้งในฉนวนกาซา เขากล่าวว่าชาติตะวันตกเมินเฉยต่อสถานการณ์ของชาวปาเลสไตน์ก่อนการโจมตีอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ต.ค. โดยเรียกร้องให้เพิ่มแรงกดดันต่อนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮูของอิสราเอลให้ยุติสิ่งที่เขาเรียกว่าเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
@ISIDEWITH4 มอส4MO
คุณคิดว่าการมีหรือไม่มีกองกำลังทหารต่างชาติสามารถส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของพลเมืองในประเทศเช่นอิรักในด้านใดบ้าง
@ISIDEWITH4 มอส4MO
คุณคิดอย่างไรเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่การพึ่งพาการสนับสนุนทางทหารจากต่างประเทศอาจส่งผลต่ออธิปไตยหรือความภาคภูมิใจของชาติ